อะไรคือสาเหตุของการเกิดฝ้า ?
ก่อนที่จะรู้ วิธีรักษาฝ้า เรามาลองดู สาเหตุของการเกิดฝ้า ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของการเกิด ฝ้า ยังไม่ทราบชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหน้า มักให้หลีกเลี่ยงสาเหตุเหล่านี้ที่อาจทำให้เกิดฝ้าได้- แสงแดด พบว่า ผู้ที่สัมผัสกับแดดนานๆ มีโอกาสที่จะเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่สัมผัสกับแดด แพทย์ที่ดูแลด้านผิวหน้า มักแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ จะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าได้
- ความร้อน มีเคสหลายเคสที่อยู่ใกล้ความร้อนนานๆ ทำให้หน้าเป็นฝ้าได้ เช่น ผู้ที่ทำงานอยู่ใกล้แสงไฟ เช่น ดารา นักแสดง นักร้อง พริตตี้ ฯลฯ ที่ต้องถ่ายหนัง ถ่ายภาพยนตร์ หรือ แม่ครัวที่ต้องอยู่ใกล้เตาไฟนานๆ มีน้องพยาบาลคนหนึ่งที่ต้องทำกับข้าว 3 มื้อให้ครอบครัว แล้วมีปัญหาเกิดฝ้า รักษายังไงก็ไม่หายสักที ซึ่งพอรู้สาเหตุว่าอาจจะเกิดจากความร้อน ก็เลยแก้ปัญหาโดยการใช้แมสปิดหน้า ในขณะที่ทำอาหาร ปรากฏว่าฝ้าที่มีอยู่ดีขึ้นเลย ใช้เวลาไม่นานเลย ฝ้าหายเลย
- ผู้ที่อยู่ใกล้ จอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ แท็บแล็ต จอ TV และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเวลานานๆ เช่น บางคนเป็นโบรกเกอร์ มีจอคอมพิวเตอร์ล้อมไว้หมด มีปัญหาฝ้าเกิดขึ้น ใช้ วิธีรักษาฝ้า ต่างๆนานาก็ไม่หายสักที มีคนแนะนำให้ติดฟิลม์หน้าจอคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าอาการที่เป็นฝ้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานก็หายดี หรือมีน้องบางคนชอบเล่น แท็บแล็ต มือถือ ในที่มืดๆ ซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาด้านดวงตา และมีผลต่อผิวหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายมาก
- ผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดนานๆ ก็เสี่ยงต่อการเกิดฝ้าได้
- ยาบางชนิด ก็อาจมีผลทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น สเตียรอยด์
- เครื่องสำอางค์บางอย่าง ก็อาจทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น มีรุ่นน้องนักศึกษา ใช้เครื่องสำอางค์ ที่มีกรด AHA หรือกลุ่มที่เป็น ไวท์เทนนิ่ง แล้วไม่ได้ทาครีมกันแดด ปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องฝ้าเกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติ ผู้ที่ใช้เครื่องสำอางค์ที่เป็นไวท์เทนนิ่ง จำเป็นมากๆที่จะต้องใช้ครีมกันแดด
- พันธุ์กรรม บางครอบครัวมีปัญหาเป็น ฝ้า กระ และติดต่อทางพันธุ์กรรมสู่ลูกหลาน
- ฮอร์โมน เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในระดับต้นๆของการเกิดฝ้า
- การตั้งครรภ์ ฝ้าที่เกิดในช่วงของการตั้งครรภ์จะเรียกว่า Chloasma หรือ "The mask of pregnancy" ซึ่งอาจจะเกิดจากระดับฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในผู้ที่ตั้งครรภ์ก็ได้
- เชื่อชาติ ก็อาจมีผลต่อการเกิด ฝ้า กระ ได้
- สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ คนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ หรือมีปัญหาระบบขับถ่ายไม่ดี มีปัญหาหน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้า ผิวพรรณไม่สดใส เพราะร่างกายสะสมสารพิษตลอดเวลา ใช้ วิธีรักษาฝ้า หลายวิธี แต่ยังไงก็ไม่หายสักที แนะนำให้ Detox ล้างสารพิษในร่างกาย หรือแนะนำให้ทาน VARASTA วาราสต้า ดีท็อกซ์ ล้างสารพิษ และทาน ผัก ผลไม้ บ่อยๆ
- ฯลฯ
วิธีรักษาฝ้า แบบธรรมชาติ
1. สูตรใบบัวบก
.
2. ไข่ขาว
เป็น วิธีรักษาฝ้า ที่ทำได้ง่ายๆ เพราะเชื่อว่าแทบทุกบ้านก็ต้องมีไข่ติดตู้เย็นอยู่แล้ว ซึ่งสูตรนี้อาจจะมีกลิ่นคาวสักหน่อย เพียงแค่นำไข่ขาวบริเวณรอบๆ ไข่แดง (เน้นเฉพาะไข่ขาว ไข่แดงให้กรองออก) มาทาบางๆ ให้ทั่วบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ไข่ขาวจะช่วยดูดซับรอยฝ้าและสิ่งสกปรกให้หมดไปจากใบหน้าของคุณได้
.
3. สูตรมะขามเปียก
.อีกหนึ่ง วิธีรักษาฝ้า แบบธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับว่าได้ผลดีเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับบ้านไหนที่ชอบทานอาหาร ที่มีมะขามเปียกเป็นส่วนผสม ให้คุณนำเนื้อมะขามเปียกมาพอกหรือทาบางๆ บริเวณผิวที่เป็นรอยฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วค่อยล้างออก สูตรนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าทำให้ รอยฝ้า ดูจางลงและยังช่วย ลดรอยจุดด่างดำได้ด้วย ช่วยให้ ผิวหน้า ขาวกระจ่างใส แต่ถ้าคุณไม่มีมะขามเปียก ก็อาจเลือกใช้เป็นน้ำมะกรูดหรือน้ำมะนาวแทนก็ได้
.
4. สูตรน้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ล
.
Apple Cider น้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ล มีประโยชน์ในด้านการช่วยดูแลผิวพรรณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า และยังช่วยดุแลสุขภาพภายในได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ลนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด จึงช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเนียนนุ่มขึ้นได้ เพียงแค่คุณนำ Apple Cider มาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย แล้วใช้สำลีชุบและเช็ดให้ทั่วใบหน้า รอจนแห้งแล้วจึงล้างออก เน้นบริเวณผิวหน้าที่มีปัญหาเรื่อง ฝ้า
.
5. สูตรหัวไชเท้า
หัวไชเท้า ที่ใช้ทำอาหาร สามารถนำมาทำเป็น สูตรรักษาฝ้า ได้ โดยสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำหัวไชเท้ามาบดหยาบๆ แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที (แล้วแต่สภาพหน้าของแต่ละคนว่ารับได้แค่ไหน ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย) แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หรือวันเว้นวัน ก็จะช่วยลดฝ้า ทำให้ฝ้าดูจางลงได้มากเลยทีเดียว และนอกจากจะช่วย ลดฝ้า ได้แล้ว หัวไชเท้ายังมีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอยต่างๆ และทำให้หน้า ขาวกระจ่างใส ขึ้นได้อีกด้วย แต่หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้ว ก็ให้ กระชับรูขุมขน ด้วยโทนเนอร์หรือน้ำเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนกว้างด้วย
.
6. สูตรว่านหางจระเข้
.
เป็น วิธีรักษาฝ้า ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ว่านหางจระเข้ ถือเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย และมีสรรพคุณในการใช้รักษาแผล ยอดนิยมมากๆ วิธีหนึ่ง
.
โดย สูตรลดฝ้า ด้วยว่านหางจรเข้แบบธรรมชาติ ให้คุณนำว่านหางจระเข้มา 1 ใบใหญ่ (เลือกใบล่างๆ แบบที่แก่แล้ว) นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นก็นำมาปอกเปลือกออกและล้างให้สะอาด นำไปปั่นหรือบดก็ได้ตามถนัด แล้วจึงนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที โดยสูตรนี้หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยให้ฝ้าหายได้ไวยิ่งขึ้น และยังช่วยให้ผิวหน้า ขาวกระจ่างใส ช่วย กระชับรูขุมขน เหมาะาำหรับผู้ที่มีปัญหา รูขุมขนกว้างด้วย
.
ซุึ่งนอกจาก วิธีรักษาฝ้า ตามที่กล่าวมาแล้ว การดูแลสุขภาพจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของ Vitamin A วิตามินเอ , Vitamin C วิตามินซี และ Vitamin E วิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวแข็งแรง สดใสขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายตัวใหญ่ขึ้นนั่นเอง
.
.
มีกูรูทางด้่านความงาม แนะนำว่า ควรจิบน้ำบ่อยๆตลอดวัน ให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 - 8 แก้ว จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีปัญหาผิวแห้ง ผิวพรรณไม่สดใส เปลั่งปลั่ง น้ำยังช่วยในการ ขับล้างสารพิษออกจากร่างกายได้อีกวิธี
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง ฝ้า ไว้ว่า การหลีกเลี่ยงจากสาเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และ ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เน้นป้องกันรังสี UVAสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง ฝ้า กระ จุดด่างดำ อยากมีผิวหน้า เนียน สวย ขาวกระจ่างใส แนะนำให้ใช้ ครีมลดฝ้า MJ เป็นครีมที่ได้รับความนิยมในหมู่ ดารา นักร้อง นักแสดง ที่ใช้แล้วเห็นผลจริง กล้าการันตี เป็น วิธีรักษาฝ้า ที่ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงกับการรักษาฝ้าราคาแพงๆ หรือ ครีมลดฝ้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ
.
.ครีมลดฝ้า MJ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง มีส่วนผสมของสเต็มเซลล์จากเมล็ดองุ่น ผ่านกระบวนการผลิตโดยเทคโนโลยี PhytoCellTec ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วย ฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าที่โรยรา ปกป้องผิวจากปัญหาความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอยได้อย่างตรงเป้าหมาย ผสานด้วยสารอาหารจากเซลล์จมูกข้าวและวิตามินบำรุงผิวนานาชนิด ซึมเข้าสู่ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง สุขภาพดี จนคุณสัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มของผิว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
.
เครดิตข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.emaginfo.com/?p=66293
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429499577
